ช่วง Growth Spurt คืออะไร และทำไมเราจึงหยุดสูง?
หากเราสังเกตการเจริญเติบโตของตนเองและคนรอบข้างจะพบว่ามีช่วงหนึ่งที่การเจริญเติบโตและความสูงจะเกิดขึ้นมากกว่าช่วงเวลาอื่นๆ ซึ่งช่วงเวลานี้เรียกว่า Growth Spurt “ช่วงเวลาทองของการเจริญเติบโต” ที่คนไทยรู้จักกันดีว่าช่วงการยืดตัวของเด็ก คือ ช่วงเวลาที่ร่างกายของเด็กเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ ทั้งส่วนสูงและน้ำหนัก จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งโดยปกติจะเกิดขึ้นใน 2 ช่วงวัย ได้แก่ช่วงขวบปีแรก และช่วงเข้าสู่วัยรุ่น

ในช่วงขวบปีแรก ลูกน้อยจะมีการเจริญเติบโตทั้งทางด้านร่างกาย และการพัฒนาการทางด้านต่างๆ เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กันอย่างรวดเร็ว และมีขั้นตอนเป็นลำดับไปตามเกณฑ์อายุ เช่น เริ่มจากการชันคอได้ในช่วง 2-3 เดือนแรก ไปจนถึงเกาะยืน และหัดเดินเมื่ออายุ 1 ขวบ โดยเฉลี่ยแล้ว ความสูงของลูกน้อยจะสูงขึ้นประมาณ 10 นิ้ว (25 ซม.) และมีน้ำหนักเป็น 3 เท่า ของน้ำหนักแรกเกิด
หลังจากขวบปีแรกผ่านไป เด็กจะเจริญเติบโตในอัตราที่สม่ำเสมอ และไม่มากเหมือนในปีแรก โดยเฉลี่ยจะสูงขึ้นประมาณ 2.5 นิ้ว (6 ซม.) ต่อปีไปจนถึงตอนเริ่มเข้าวัยรุ่น และมักจะมีลักษณะสำคัญหรือสัญญาณที่บ่งบอกให้คุณพ่อคุณแม่รู้ว่าลูกน้อยของคุณกำลังเข้าสู่ช่วง Growth Spurt แล้ว ได้แก่
-
1. ตื่นบ่อย เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว บ่งชี้ถึงสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
-
2. อึและฉี่บ่อย ที่อาจจะทำให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจผิดได้ว่าลูกน้อยมีอาการท้องเสีย ซึ่งแท้จริงแล้วการอึและฉี่บ่อยในเด็กวัยนี้แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของเด็ก
-
3. ตัวใหญ่ขึ้น ตัวยาวขึ้น โดยมือและเท้าจะเป็นส่วนแรกที่ใหญ่ขึ้น การเปลี่ยนขนาดรองเท้า เป็นสัญญาณแรกของการเจริญเติบโตในช่วงนี้
-
4. เริ่มมีพัฒนาการ และความสามารถในการทำสิ่งต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เช่น นั่ง คลาน ยืน เดิน
-
5. หิวบ่อย กินถี่ หรือกินมากกว่าปกติ
-
6. มีความต้องการให้อุ้มและกอดบ่อยขึ้น ติดคุณพ่อคุณแม่มากกว่าเดิม หงุดหงิดง่ายกว่าปกติ เป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
และเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น จะมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วอีกช่วงหนึ่ง โดยช่วงวัยในการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของเด็กผู้ชายและผู้หญิงจะแตกต่างกัน เด็กผู้หญิงจะเริ่มในช่วงอายุ 9 ปี ความสูงจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงอายุประมาณ 11-12 ปี จากนั้นอัตราการเพิ่มของความสูงจะลดลง จนกระทั่งถึงอายุประมาณ 16-17 ปี ความสูงจะค่อนข้างคงที่
ส่วนในเด็กชายจะเริ่มช้ากว่าประมาณ 1-2 ปี โดยจะเริ่มในช่วงอายุ 11-12 ปี ความสูงจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนถึงอายุประมาณ 13-14 ปี จากนั้นอัตราการเพิ่มของความสูงจะลดลงจนกระทั่งถึงอายุประมาณ 18-19 ปี ความสูงจะค่อนข้างคงที่ ความสูงที่เพิ่มขึ้นมาในช่วงเวลานี้ คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 15% ของความสูงทั้งหมด และเป็นช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่จะหยุดสูง โดยความสูงในช่วงนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก ซึ่งในเด็กผู้หญิงจะสูงได้อีกประมาณ 8 - 9 ซม./ปี และในเด็กผู้ชาย ประมาณ 9 - 10 ซม./ปี
โดยรวมแล้วในช่วงนี้ เด็กผู้หญิงจะสูงขึ้นประมาณ 20 - 25 ซม. และในเด็กผู้ชาย ประมาณ 30 ซม. โดยอาจจะน้อยหรือมากกว่านี้ขึ้นกับปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสารอาหาร การนอนหลับ การออกกำลังกาย เพราะฉะนั้น ช่วงเวลาทองของการเจริญเติบโตจึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดสำหรับการเพิ่มความสูง
หลังจากหมดช่วงเวลาทองของการเจริญเติบโตไปแล้ว อัตราการเพิ่มความสูงจะเริ่มลดลงจนหยุดไป สาเหตุเนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมนเพศที่ทำให้แผ่นการเจริญเติบโต (Epiphyseal Plate หรือ Growth Plate) ที่บริเวณกระดูกส่วนปลายปิด จึงเป็นเหตุที่ทำให้หยุดสูง โดยปกติแล้วอัตราการเพิ่มส่วนสูงตามมาตรฐานของเด็กไทยจะเป็นดังนี้
ตารางแสดงอัตราการเพิ่มความสูงของเด็กในแต่ละช่วงวัย
อายุ
แรกเกิด - 1 ปี
1-2 ปี
2-4 ปี
ก่อนเข้าสู่วัยรุ่น
ช่วงวัยรุ่น เด็กจะมีเวลาประมาณ 1 - 2 ปี ที่จะมี
การเพิ่มความสูงสูงสุด (Peak Pubertal Growth Spurt)
เด็กผู้หญิง
เด็กผู้ชาย
อัตราการเพิ่มความสูง
(เชนติเมตรต่อปี)
23 - 27 เซนติเมตรต่อปี
10 - 12 เซนติเมตรต่อปี
6 - 7 เซนติเมตรต่อปี
4 - 5.5 เซนติเมตรต่อปี
7 - 10 เซนติเมตรต่อปี
8 - 12 เซนติเมตรต่อปี
กระดูก แขน ขา สันหลัง
โตตามแนวยาว

ยืด

ตำแหน่งที่มีการยึดออกคือ
Growth Plate
(แผ่นการเจริญเติบโต)
เกิดการแบ่งเซลล์กระดูกอ่อน
เพิ่มขึ้นเรื่อยๆและมีการสะสมแคลเชียมฟอสฟอรัส และเกลือแร่ต่างๆ
เพิ่ม
เพิ่ม
เพิ่ม
เคล็ดลับการเพิ่มความสูงในช่วง Growth Spurt ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกได้
เราได้ทราบกันไปแล้วว่า Growth Spurt นั้นคือช่วงเวลาทองของการเจริญเติบโต และเมื่อหมดช่วงเวลานี้ลูกจะหยุดสูง เนื่องจาก Growth Plate ที่บริเวณกระดูกส่วนปลายปิด จากเหตุผลดังกล่าวหากเราต้องการเพิ่มความสูงของลูกให้มากที่สุดจึงควรทำในช่วงเวลาทองนี้ เรามาดูเคล็ดลับในการเพิ่มความสูงให้กับลูกในช่วง Growth Spurt กันว่าคุณพ่อคุณแม่ควรดูแลลูกอย่างไร
ดูแลเรื่องการนอนของลูกอย่างถูกวิธีและเพียงพอสำหรับแต่ละช่วงวัย
เรื่องแรกที่สำคัญมากสำหรับการเจริญเติบโตของลูกก็คือการนอนที่ต้องเพียงพอกับแต่ละช่วงวัย และควรเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ คือก่อน 21.00 น. เพื่อการหลั่งของฮอร์โมนการเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ ซึ่ง Growth Hormone มีหน้าที่กระตุ้นการเจริญของเซลล์กระดูก และควบคุมการทำงานของระบบอื่นๆ ในร่างกาย
สำหรับระยะเวลาในการนอนที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัยนั้น เด็กก่อนเข้าเรียนควรนอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 10-13 ชั่วโมง, เด็กวัยเรียนอย่างน้อย 9-10 ชั่วโมง และในช่วงวัยรุ่นควรนอนให้ได้อย่างน้อย 8-9 ชั่วโมง
และนอกจากเรื่องของระยะเวลาในการนอนแล้วคุณพ่อคุณแม่ควรจะฝึกให้เด็กๆ มีสุขนิสัยในการนอนที่ดีด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้นกล่าวคือ
1. ควรเข้านอนและตื่นเวลาเดิม สม่ำเสมอทุกวัน ทั้งวันธรรมดาและวันหยุด เวลาในการเข้านอน-ตื่นนอน ไม่ควรต่างกันเกิน 1 ชั่วโมง หากต้องนอนกลางวัน ไม่ควรเกิน 30-45 นาที และควรก่อนเวลา 15.00 เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาต่อการนอนหลับตอนกลางคืน
2. มีกิจวัตรก่อนเข้านอน (Bed time routine) ก่อนนอน 20-30 นาที โดยต้องเป็นกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น เล่านิทาน อ่านหนังสือ เลี่ยงการดูโทรทัศน์ เล่นเกม หรือกิจกรรมที่เร้าใจ
3. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ ช็อกโกแลตก่อนเข้านอน
4. จัดสถานที่ห้องนอนให้เงียบสงบ มืดสนิทหรือมีแสงไฟพอสลัว ไม่มีโทรทัศน์หรือโทรศัพท์มือถือในห้องนอน
5. ไม่บังคับขู่เข็ญ และ ไม่ใช้ห้องนอนในการทำโทษ เพราะห้องนอนควรเป็นสถานที่ที่เด็กรู้สึกดี สงบและปลอดภัย
ส่งเสริมการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอและเหมาะสมกับช่วงวัย
แม้ในปัจจุบันจะยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันผลชัดเจนในเรื่องของการเพิ่มส่วนสูง แต่พบว่าการออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนักที่เท้าและขา (Weight Bearing Exercise) ช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูก เพิ่มมวลกระดูกให้หนาแน่นขึ้นได้ ทำกระดูกใหญ่และแข็งแรงขึ้น ตัวอย่างการออกกำลังกายประเภทนี้ ได้แก่ กระโดด, กระโดดเชือก, วิ่ง, การปั่นจักรยาน บาสเกตบอล, เต้นแอโรบิก เป็นต้น ซึ่งเด็กๆ ทุกคนควรจะออกกำลังกายเป็นประจำ 3-5 วัน ต่อสัปดาห์ อย่างน้อยครั้งละ 30-45 นาที เพื่อเสริมสร้างมวลกระดูกให้หนาแน่น โดยจะออกกำลังกายประเภทใดก็ได้ แต่ไม่ควรหนักหรืออันตรายเกินไป
ข้อควรระวังคือ คือ เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 16 ปี ควรที่จะเลี่ยงการออกกำลังกายที่มีแรงต้านมากจนเกินไปอย่างการยกน้ำหนัก หรือหากจะเล่นก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ฝึกสอนที่มีความเชี่ยวชาญ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดขึ้นอาจทำให้การเจริญเติบโตหรือ Growth Plate บาดเจ็บส่งผลต่อความสูงได้และถ้าจะให้ดีคุณพ่อคุณแม่ควรที่จะออกกำลังกายร่วมกับลูกด้วย เพราะนอกจากโอกาสในการเพิ่มความสูงแล้ว ยังช่วยเพิ่มความอบอุ่นภายในครอบครัวอีกด้วย
โภชนาการและสารอาหารที่ครบถ้วนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสูง
เรื่องสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้ข้ออื่นก็คือการดูแลให้ลูกได้รับโภชนาการและสารอาหารที่ครบถ้วน โดยสารอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและการเพิ่มความสูงหลักๆ แล้วจะมีด้วยกันทั้งหมด 3 กลุ่มด้วยกันคือ โปรตีน, เกลือแร่หรือแร่ธาตุต่างๆ และวิตามิน ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ล้วนมีความเชื่อมโยงส่งเสริมกัน และสำคัญต่อพัฒนาการทางร่างกาย สติปัญญา รวมถึงความสูงด้วย แนะนำให้อ่านเรื่องสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและความสูงของร่างกายเพิ่มเติมได้จากที่นี่
โดยสรุปแล้วช่วง Growth Spurt คือ ช่วงเวลาทองของการเจริญเติบโต ที่จะส่งผลต่อขบวนการของความสูงของลูกไปจนถึงช่วงเวลาที่หยุดสูง คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องดูแลทั้งในเรื่องของการพักผ่อน การออกกำลังกาย และสารอาหารต่างๆ ที่ลูกควรได้รับอย่างครบถ้วนและเหมาะสม
และเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นเราขอแนะนำ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร HiGo ที่รวบรวมเอาคุณประโยชน์ของสารอาหารมากมายที่จำเป็นต่อความสูงเข้าไว้ด้วยกัน เช่น เวย์ โปรตีน ไอโซเลต, สารสกัดจากกระดูกอ่อนของจมูกปลาแซลมอน, Colostrum, Collagen Type II,
L-lysine, Calcium, Zinc, Vitamin B Complex, Vitamin K2 และอื่นๆ อีกมากมายเข้าไว้ด้วยกันในแบบ Smart Pill Growth Comprehensive ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่รวมทุกความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและเพิ่มความสูงไว้ในอาหารเสริมเพียงเม็ดเดียว สะดวกและปลอดภัย ผลิตจากเทคโนโลยีที่ดีที่สุดจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน ให้ HiGo เป็นของขวัญสำหรับลูกเพื่อความสูงและพัฒนาการที่ครบถ้วนในทุกด้าน ช่วยให้เขาเติบโตและใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพในอนาคตต่อไป
“เลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพิ่มความสูง เลือก HiGo เม็ดเดียวครบ จบทุกความต้องการสูง”
